แนะนำเกม Call of Duty: Modern Warfare 2.0 การตั้งค่าภาพ

แนะนำเกม Call of Duty: Modern Warfare 2.0 การตั้งค่าภาพ ให้ลื่นไหลที่ช่วยให้การเล่นเกมไหลลื่น

แนะนำเกม Call of Duty: Modern Warfare 2.0 การตั้งค่าภาพ ปรับแต่ง ต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่ ภาพกราฟิก เกมเพลย์ และการเคลื่อนไหว ซึ่งบางตัวเลือก ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนการตั้งค่า เพื่อให้เกมการเล่นสะดวกสบายมากขึ้นไม่มากก็น้อย นี่คือบทบาทแนะนำการตั้งค่า Call of Duty: Modern Warfare II แล้วจะมีอะไรบ้าง ก็สามารถเข้าไปอ่านกันได้เลย

ปรับให้กดเดินแล้ววิ่งทันที ไม่ต้องกด Shift ให้เสียเวลา

เนื่องจาก MWII ในโหมด Multiplayer มี Time to Kill รวดเร็ว ถูกยิงแป๊บเดียวก็อาจจะร่วงได้ ฉะนั้นผู้เล่นต้องโฟกัสกับการเล่นเกมให้ได้มากที่สุด ด้วยเหตุผลดังกล่าว เราจึงแนะนำให้ปรับ Automatic Sprint ให้เป็น Automatic Sprint ที่ทำให้กดเดินเดียวเป็นการวิ่งทันที ซึ่งทำให้ผู้เล่นลดการกดปุ่มคีย์บอร์ด สามารถโฟกัสกับเกมเพลย์ได้อย่างเต็มที่ ตัวเลือกนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบเล่นเกมสไตล์บู๊แหลกเท่านั้น

ตั้งค่าให้กด R เพื่อรีโหลดกระสุนเป็นหลัก

อาจมีบางครั้ง ที่ผู้เล่นเผลอหยิบอาวุธที่ตกพื้น หรือเผลอเปิด-ปิดประตูโดยไม่ได้ตั้งใจจากการกดรีโหลดกระสุน เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว เราแนะนำให้ปรับ Interact/Reload Behaviors เป็น Prioritize Reload เพื่อกด R แล้วรีโหลดกระสุนเป็นอย่างแรกทุกครั้ง

ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่าเกมเมอร์กำลังอยู่ที่หน้าประตู ถ้าหากผู้เล่นได้ตั้งค่า Prioritize Reload ไว้ เมื่อกด R จะเป็นรีโหลดกระสุนทันที ถ้าหากอยากเปิด-ปิดประตู ผู้เล่นต้องกด R ค้างเท่านั้น

ปรับ Killstreak เป็น Scorestreak

ใน Call of Duty: Modern Warfare II มีระบบสุดคลาสสิกที่เรียกว่า Killstreak เป็นการสะสม Kill อย่างต่อเนื่อง เพื่อเรียกใช้อาวุธพิเศษ หรือการสนับสนุนที่ช่วยให้ทีมของเราได้เปรียบมากขึ้น แต่หากเราโดน Kill จำนวน Killstreak ที่เราสะสมไว้จะถูกรีเซตต้องเริ่มสะสมใหม่ทั้งหมด

แน่นอนว่า Killstreak ไม่เหมาะสำหรับผู้เล่นสายบู๊ หรือผู้เล่นเน้นทำ Objective เป็นหลัก ซึ่งผู้เล่นสามารถเปลี่ยนเป็น Scorestreak ได้ที่หน้าต่าง Killstreak โดย Scorestreak มีหน้าที่เปลี่ยนจากการสะสม KIll เพื่อเรียกใช้อาวุธพิเศษ กลายเป็นการสะสมคะแนนแทน

ปรับเสียงเพลงให้เบาลง หรือ Mute ให้ได้ยินเสียงฝีเท้าศัตรูแบบเต็ม 100%

เสียงเท้า เป็นเอฟเฟกต์เสียงที่บ่งบอกได้ว่าศัตรูอยู่ทิศทางไหนระหว่างชั้นบน ชั้นล่าง หรืออยู่ห้องตรงข้าม แน่นอนว่าการเปิดเสียงเพลง จะเป็นการรบกวนสมาธิไปเปล่า ๆ เราจึงแนะนำให้ลดเสียงเพลงให้ต่ำ หรือไม่ก็ Mute ดับเสียงไปเลย เพื่อให้ได้เสียงฝีเท้าของฝ่ายข้าศึกอย่างชัดเจน

ปรับให้โยน C4 แล้วกดครั้งต่อไปคือระเบิดทันที

ปกติแล้ว การใช้อาวุธระเบิด C4 คือต้องโยนระเบิด 1 ลูก หรือหลายลูก แล้วค่อยสลับเปลี่ยนเป็นรีโมตเพื่อทำการกดระเบิด ซึ่งแน่นอนว่าแม้ C4 เป็นระเบิดที่มีพลังทำลายล้างสูง ใช้แทนระเบิด Semtex ได้บางสถานการณ์ แต่ด้วยขั้นตอนการใช้งานที่ยุ่งยาก ทำให้ C4 ไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไหร่นัก

ถ้าหากต้องการอยากให้โยนระเบิด C4 แล้วควักรีโมตออกมาทันที เกมเมอร์สามารถตั้งค่าได้ที่ Quick C4 Detonation เป็น ON ซึ่งเพียงเท่านี้ คุณสามารถใช้ C4 แทนระเบิดขว้างได้แล้ว

ปรับ Field of View ช่วยให้วิสัยทัศน์ของผู้เล่นกว้างขึ้น

นับว่าเป็นกฎเหล็กสำคัญของเกมแนว FPS ก็ว่าได้ เกมเมอร์จะต้องปรับมุมกล้อง Field of View (FOV) ให้กว้างขึ้นจากเดิม เพราะนอกจากช่วยลดอาการ Motion Sickness แล้ว มันช่วยให้วิสัยทัศน์ในมุมมองของผู้เล่นกว้างขึ้น ซึ่งก็หมายความว่ามองเห็นศัตรูจากขอบหน้าจอได้ชัดเจนยิ่งขึ้นนั่นเอง

FOV สามารถปรับเท่าไหร่ก็ได้ตามความชื่นชอบของแต่ละคน แต่ผู้เล่นส่วนใหญ่จะปรับ FOV อยู่ที่ 90-110 ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมที่สุดแล้ว

ปรับ Weapon Field of View ลดความเกะกะของอาวุธบนหน้าจอ

หนึ่งในสิ่งที่สำคัญของการเล่นเกม FPS ในโหมด Multiplayer คือหน้าจอของเกมเมอร์จะต้องเคลียร์ มองเห็นชัดเจน ไม่มีอะไรมาเกะกะ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่เกะกะที่สุดบนหน้าจอ ก็ไม่มีทางหนีพ้นโมเดลอาวุธปืนแล้ว ซึ่งผู้เล่นสามารถปรับให้ Weapon Field of View เป็นระดับ Wide เพื่อให้อาวุธอยู่ตรงกลางมากขึ้น และโมเดลปืนมีขนาดเล็กลง

ปรับ Film Grain ลดเหลือ 0 ให้ภาพชัดเจนที่สุด

แม้เอฟเฟกต์ Film Grain เสริมบรรยากาศให้การนำเสนอเนื้อหามีความเป็นภาพยนตร์มากขึ้น แต่แน่นอนว่าหลังจากเข้าโหมด Multiplayer แล้ว ผู้เล่นต้องการภาพที่ใสกระจ่าง เคลียร์มีความชัดเจนมากที่สุด ฉะนั้นการปิด Flim Grain จึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล และมีส่วนช่วยให้ภาพชัดขึ้นเล็กน้อย

ปิด Depth of Field / Motion Blur ลดความสมจริง เพื่อภาพที่คมชัด

Depth of Field / Motion Blur เป็นเอฟเฟกต์เบลอ ช่วยให้ภาพเกมมีความสมจริงเหมือนเรากำลังหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของเกม แต่อย่างไรก็ตาม เอฟเฟกต์ดังกล่าว ส่งผลลัพธ์ทำให้ภาพเกมดูไม่ชัดเจน แถมกินทรัพยากรเครื่อง PC โดยใช่เหตุ ด้วยเหตุผลดังกล่าวเราจึงแนะนำให้ปิด Depth of Field / World Motion Blur เพื่อภาพที่คมชัด และสร้างความได้เปรียบระหว่างการเล่นด้วยการมองเห็นในระยะไกลที่ชัดเจน

ตั้งค่าการจำกัดเฟรมเรต ให้ภาพลื่นนิ่ง เฟรมเรตให้กระชากน้อยที่สุด

อย่างที่เกมเมอร์หลายคนทราบกันดี ยิ่งเฟรมเรตมากเท่าไหร่ ภาพในเกมก็จะยิ่งลื่นขึ้นเท่านั้น แต่แน่นอน มันเป็นเรื่องไม่ดีเท่าไหร่นัก ถ้าหากปล่อยให้เฟรมเรตกระชากระหว่าง 60-144 FPS เพราะนอกจากทำให้การเล่นเกมไม่ลื่นไหลสุด ๆ แล้ว มันทำให้ประสบการณ์การเล่นโดยรวมสะดุดตลอดเวลา

เราแนะนำว่าถ้า PC ของคุณไม่สามารถเล่นเกมได้ถึง 144 FPS มีอาการเฟรมเรตตกหลายครั้ง ก็อย่าฝืนมันเลย มาปรับลิมิตให้เกมของเราจำกัดการรันไว้ที่ 60 FPS หรือ FPS ที่ต่ำที่สุดตลอดเวลาดีกว่าใน Custom Frame Rate Limit เพื่อให้เกมของเรารันอย่างลื่นไหล โดยปราศจากอาการกระตุกที่ชวนให้เล่นเกมไปหงุดหงิดไป

ติดตามข่าววงการเกมไปกับ Game88s